วันอาทิตย์ที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2555

“เต้น”ท้า“มาร์ค-เทือก”ดีเบตชายชุดดำออกทีวี







วันนี้ (15 ต.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล  นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีพรรคประชาธิปัตย์จัดเวทีปราศรัย "เดินหน้าผ่าความจริง ใครบงการคนชุดดำ รับจ้างฆ่าประเทศไทย" เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ที่สวนลุมพินี ว่า พรรคประชาธิปัตย์ใช้ไม้ตายด้วยการตั้งเวทีนี้เพื่อใส่ร้ายป้ายสี ทำลายความน่าเชื่อถือ และสร้างความหมางใจกันระหว่างคนในพรรคเพื่อไทย รวมถึงสร้างความไม่เข้าใจกันระหว่างพรรคเพื่อไทยกับประชาชน เพราะเกมของพรรคประชาธิปัตย์ในตอนนี้คงจะได้ข้อสรุปแล้วว่าการติดตามและตรวจสอบการบริหารงานของรัฐบาลคงจะต้องลดละและผ่อนน้ำหนักลง เพราะยิ่งตามก็ยิ่งห่าง เนื่องจากผลวิจัยเชิงสำรวจของสำนักวิจัยต่างๆ เห็นชัดว่าคะแนนความนิยมและการยอมรับตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มากขึ้นทุกที
อย่างไรก็ตาม ตนเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์จะเดินสายเปิดเวทีปราศรัยที่เน้นประเด็นเรื่องชายชุดดำแบบนี้มากขึ้นและเข้มข้นขึ้นอีก แสดงให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นเกมนี้เป็นหลัก และจากนี้พรรคประชาธิปัตย์จะเดินสายเปิดเวทีดังกล่าว เพื่อทดสอบกระแสจากการชุมนุมของกลุ่มองค์กรพิทักษ์สยาม ที่นำโดยพล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ขณะเดียวกันเป็นการตอกย้ำความแตกแยก เหยียบย่ำความสูญเสียของประชาชน และไม่มีทางที่จะสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะสร้างประเด็นโกหกรายวันเพื่อใส่ร้ายทำให้รัฐบาลขาดความน่าเชื่อถือ แล้วจะหาจังหวะล้มรัฐบาลในที่สุด
แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กล่าวอีกว่า ตนขอฝากถึงนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ว่าวิธีการที่พวกเขาทำและข้อกล่าวหาที่ใช้อยู่นั้นไม่ได้แตกต่างกับสิ่งที่ทำในตลอด 6 ปีที่ผ่านมา เป็นการพูดเรื่องชายชุดดำเหมือนเดิม และท่าร้องไห้ของนายสุเทพก็เป็นท่าเดิมในการปราศรัยที่หน้าห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เวิลด์ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2554 อีกทั้งนายอภิสิทธิ์พยายามกล่าวหาใส่ร้ายว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ก้าวเข้าสู่อำนาจโดยเหยียบศพของประชาชน ทั้งที่พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคเพื่อไทยก้าวเข้าสู่อำนาจรัฐด้วยชัยชนะในการเลือกตั้งทุกครั้งตั้งแต่ปี 2544 ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์กลับก้าวสู่อำนาจโดยไม่ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง แต่เหยียบซากศพระบอบประชาธิปไตยแล้วใช้ชีวิตของประชาชนจากเหตุการณ์การชุมนุมมาปกป้องอำนาจของตัวเอง

นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ตนจะใช้การแถลงข่าวชี้แจงผ่านสื่อมวลชน แต่ถ้านายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เห็นว่าสิ่งที่ทำนั้นทำให้ได้รับความยอมรับจากประชาชน ก็อาจจะให้ทั้ง 2 ฝ่าย มาชี้แจงแบบการดีเบตต่อกัน ระหว่างตนและนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง กับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ แล้วให้สถานีโทรทัศน์ดาวเทียมที่สนับสนุนแต่ละฝ่าย คือสถานีโทรทัศน์บลูสกาย กับสถานีโทรทัศน์เอเชีย อัพเดท ถ่ายทอดสดออกอากาศพร้อมกัน และเมื่อพูดกันในเวทีนี้เสร็จแล้ว ทุกอย่างก็ต้องจบ แล้วให้ประชาชนใช้วิจารณญาณตัดสิน ซึ่งวิธีนี้ดีกว่าการใช้วิธีลอบกัดอย่างที่เป็นอยู่
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ตนไม่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้ในระยะหลังๆนั้น ตนยืนยันว่าไม่ได้กลัวว่าจะถูกคุมขังอย่างที่พรรคประชาธิปัตย์กล่าวหา แต่เป็นเพราะอยากให้กระบวนการยุติธรรมพิสูจน์ข้อเท็จจริงไปตามกระบวนการ  ส่วนข้อสรุปของคณะกรรมสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ(กสม.)ที่ระบุว่ามีชายชุดดำอยู่จริงนั้น กระบวนการของ กสม.ยังไม่สามารถสรุปหรือตรวจสอบเรื่องนี้ได้ และปัญหาอยู่ที่ตัวประธานกสม.ซึ่งเคยไปขึ้นเวทีของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อีกทั้ง กสม.ไม่ควรสรุปแบบนั้นเพราะไม่ใช่ศาล จึงควรรอคำพิพิกษาของศาลก่อน รวมถึงกสม.ควรออกมาระบุรายละเอียดเกี่ยวกับชายชุดดำให้ชัดเจน.

ที่มา เดลินิวส์ 


วันเสาร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2555

เพื่อไทย คึก “เพรียวพันธ์” สมัครเข้าพรรคพรุ่งนี้




เพื่อไทย เปิดตัว “เพรียวพันธ์” เป็นสมาชิกเพื่อไทย 15 ต.ค. พร้อมดึงเตรียมทหารรุ่น 10 จำนวน 23 คน ร่วมงานด้วย โปรยยาหอมคุณสมบัติ อดีต ผบ.ตร.เหมาะสมนั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคคนใหม่...                  

วันนี้ (14 ต.ค.55) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ รักษาการโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในวันที่ 15 ต.ค. เวลา 09.30 น.พรรคเพื่อไทย จะเปิดตัวสมาชิกพรรคเพื่อไทยที่มาจากเตรียมทหารรุ่น 10 ทั้งสี่เหล่าทัพ ทั้งทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจ จำนวน 23 คน อาทิ พล.ร.อ.รุ่งรัตน์ บุณยรัตพันธุ์ อดีตรองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.อภิชาติ ทิมสุวรรณ อดีตผู้อำนวยการศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงาน พล.อ.สหชาติ พิพิธกุล อดีตเจ้ากรมการแพทย์ทหารบก พล.ต.ท.ธนากร ศิริอัฐ อดีตผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล พล.อ.อ.ธงชัย ธารนพ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. 

จากนั้นในช่วงเวลา 13.30 น. พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีต ผบ.ตร.จะเดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ซึ่ง พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะมาต้อนรับด้วยตัวเอง
การที่มีทั้งอดีตนายทหาร และอดีตนายตำรวจมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยครั้งนี้ จะช่วยเสริมสร้างพรรคให้มีความแข็งแกร่ง และเป็นพรรคของประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งคนเหล่านี้เห็นว่าพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคที่ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ จึงอาสาเข้ามาทำงาน
นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า ส่วน พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ที่จะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั้น ยังตอบไม่ได้ว่าจะมีตำแหน่งอะไรในพรรค ต้องหารือกันก่อน แต่คุณสมบัติของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เหมาะกับทุกตำแหน่ง เพราะเป็นอดีต ผบ.ตร. ผ่านงานบริหารมามาก มีความรู้ ความสามารถ เป็นที่ยอมรับของสังคม แม้ไม่ใช่นักพูด แต่เป็นนักปฏิบัติซึ่งตรงกับนโยบายพรรคเพื่อไทย  

ดังนั้น หากจะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย หรือเป็นรัฐมนตรีก็ไม่ถือว่าน่าเกลียด พรรคเพื่อไทยไม่กลัวจะถูกครหาหรือถูกโจมตีว่า นำคนในตระกูลชินวัตรมาบริหารงาน เพราะเรามีความโปร่งใสในการทำงาน และ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ก็สนใจในงานการเมือง จึงอยากมาช่วยงาน เราเปิดกว้างให้ทุกฝ่ายมาร่วมงาน ไม่ใช่สมบัติตระกูลชินวัตร และการมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ก็สมัครใจมาเอง ไม่มีใบสั่งจากใครให้มาสมัคร 

โดย พล.ต.อ.เพรียวพันธ์โทรศัพท์มาหาตน เมื่อวันที่ 13 ต.ค.ว่าจะมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคในวันที่ 15 ต.ค. ขอให้ช่วยประสานงานให้ด้วย

ที่มา ไทยรัฐ

'จิรายุ'จี้'อภิสิทธิ์'ลาออกโชว์สปิริต

รูปพาดหัวข่าว


'จิรายุ'จี้'อภิสิทธิ์'ลาออกโชว์สปิริต

'จิรายุ' จี้ 'อภิสิทธิ์' ลาออกโชว์สปิริตปมหนีทหาร เตรียมเดินหน้าตรวจสอบ กทม. ใช้งบฯบริหารจัดการน้ำ พร้อมเรียกประชุม กก.บห.-ส.ส. 15 ต.ค.นี้

                         13 ต.ค.55 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงกรณีที่กระทรวงกลาโหมเตรียมดำเนินการขอพระราชทานถอดยศ และเรียกคืนเงินเบี้ยหวัด นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรณีใช้เอกสารปลอมในการสมัครเข้ารับราชการโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) ว่า นายอภิสิทธิ์ ควรแสดงสปิริต และรีบลาออกจากตำแหน่ง ส.ส. และ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีในแวดวงการเมือง เพราะหากนายอภิสิทธิ์ใช้เอกสารปลอมตามที่กระทรวงกลาโหมชี้มูล และมีการถอดยศเรียกเงินเดือน และเบี้ยหวัดต่างๆคืนจริง ย่อมหมายความว่าที่ผ่านมา กว่า 20 ปี ของนายอภิสิทธิ์ ในหน้าที่การงานก็จะเป็นโมฆะทั้งหมดด้วยใช่หรือไม่ ผู้นำฝ่ายค้านพยายามถามหาสปิริตของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ขณะที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และเรียกร้องให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร  นายกรัฐมนตรี  ปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งนายยงยุทธ ก็แสดงสปิริตแล้ว ดังนั้น นายอภิสิทธิ์ ควรปรับมากที่สุดคือ ครม.เงา และพิจารณาจริยธรรม จรรยาบรรณ และคำว่าสปิริตต่อการลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ด้วย
พท.เดินหน้าสอบกทม.ใช้งบฯบริหารจัดการน้ำ

                         นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ กล่าวว่า ทีมยุทธศาสตร์ของพรรคและทีมแก้ไขปัญหาน้ำท่วมได้ประชุมหารือทิศทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมว่าจะเป็นอย่างไร  วันนี้คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) บริหารเรื่องน้ำ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ได้เป็นผลสำเร็จ สัปดาห์นี้เป็นต้นไปกรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศวัดอุณหภูมิประเทศไทยจะลดลงต่อเนื่อง ทำให้สถานการณ์น้ำในปีนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงแล้ว ประเทศไทยเข้าสู่ภาวะปลายฝนต้นหนาว จะทำให้ประเทศไทยเริ่มมีอากาศเย็น โดยฝ่ายบริหารพรรคได้แนะนำกบอ.ให้เริ่มคิดถึงปัญหาภัยหนาวและปัญหาภัยแล้งอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีการบริหารอย่างเป็นรูปธรรม และลงมือทำภายในเดือน พ.ย.นี้
                         นายจิรายุ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เข้าหารือกับนายปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานกบอ. ถึงการบริหารแก้ไขปัญหาน้ำนั้น ตนขอเรียกร้องให้จริงใจ และจริงจังในการแก้ไขปัญหา ไม่อยากเห็นการทำงานแบบวันแมนโชว์ อยากเห็นการทำงานเป็นทีม ไม่ใช่ผู้ว่าฯไปทาง รองผู้ว่าฯไปทาง โฆษกกทม.ก็ไปอีกทาง ทำให้คน กทม.สับสน เชื่อว่ากบอ.ของรัฐบาลวันนี้ บริหารงานอย่างมืออาชีพจนสามารถควบคุมไม่ให้น้ำท่วมประเทศได้แล้ว ดังนั้น ผู้บริหาร กทม.จากพรรคประชาธิปัตย์ ก็ควรจะปล่อยวาง อย่าหวังส้มหล่นจากน้ำท่วม อย่าคิดว่าหากน้ำท่วมกรุงเทพฯ ปีนี้อีกครั้งจะเป็นโอกาสทองส้มหล่นในการด่าพรรคเพื่อไทยได้ เพราะวันนี้กรุงเทพฯเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว
                         นายจิรายุ กล่าวด้วยว่า สำหรับการที่กทม.จะแจ้งความดำเนินคดีฐานทำลายทรัพย์สินหลังพบกระสอบทรายในท่อ ตนไม่ถือสา เพราะตนถือเป็นการแจ้งความแก้เกี้ยว แต่วันนี้ กทม.ยิ่งกว่าแดนสนธยาในการใช้งบประมาณจำนวนมาก ที่ผ่านมาอะไรที่ส่อทุจริต ไม่ประสบความสำเร็จ คนกรุงเทพฯไม่รู้ เพราะเห็นแต่ ป้ายโฆษณาชวนเชื่อของ กทม.ที่หยิบเอาแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ว่าฯ กทม.มาโฆษณาทั้งสิ้น และจากการติดตามตรวจสอบ กทม. ของสำนักงานปราบโกง พรรคเพื่อไทย ในเรื่องงบประมาณ ลอกท่อลอกคู คลองนั้น พรรคเพื่อไทยจะดำเนินการต่อไป โดยสัปดาห์หน้าจะพาสื่อมวลชนไปดูคลองบางคลองที่ได้รับงบประมาณไปแล้ว แต่ประชาชน ที่อยู่ริมคลองแจ้งมาว่า ไม่เคยเห็นไปลอกคลองแม้แต่ครั้งเดียวด้วย

พท. จวก ปชป. จัดแรลลี่ตามหาชายชุดดำ
                         นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จัดกิจกรรมแรลลี่ตามหาชายชุดดำว่า พรรคเพื่อไทยถือว่าเป็นการดิ้นเฮือกสุดท้ายก่อนเข้าหลักประหารของชายหน้าดำ และชายดีแต่พูด ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำให้คนตาย 98 ศพ เจ็บอีกกว่า 2000 คนมากกว่า เพราะการจัดกิจกรรมเช่นนี้ ไม่เป็นประโยชน์อะไรให้สังคม นอกจากจะตอกย้ำความเจ็บปวดให้กับญาติผู้สูญเสีย และเป็นความพยายามตามหาสารฟอกขาวให้ชายหน้าดำที่อยู่เบื้องหลังการสั่งการ ให้ทหารขนอาวุธหนักและอุปกรณ์สงครามมาขอกระชับพื้นที่กลางกรุงมากกว่า
                         ทั้งนี้ พรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะอดีตผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) น่าจะใช้เงินตรงนี้ออกมาจัดงานทำบุญครบรอบ2ปีให้กับผู้ตาย และ ขออโหสิกรรมให้กับผู้บาดเจ็บและญาติของเขาจะดีกว่า ที่ทำให้เกิดผู้เสียชีวิตจำนวนมาก

'จิรายุ' วอน 'นิด้า' เลิกค้านโครงการจำนำข้าว
                         นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ กล่าวต่อว่า ตนขอเรียกร้องให้ นายอดิศร์ อิศรางกูร ณ อยุธยา คณบดีคณะพัฒนาการเศรษฐกิจของสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) หุบปากและหายใจลึกๆ อยากให้นึกถึงหน้าชาวนาที่กำลังเอาหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน อย่าออกมาต่อว่าโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาลเลย เนื่องจากโครงการดำเนินมาได้ร้อยละ 70 แล้ว และพบว่าเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกรอย่างมาก ขณะที่โครงการเช็คช่วยชาติ โครงการประกันราคาข้าว ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ทำกลไกตลาดเสียหาย ทำไมอ.นิด้าไม่ออกมาต่อว่าบ้าง ตนไม่อยากถามหาความรับผิดชอบจากอ.นิด้าภายหลังที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้อง เพราะคนเหล่านี้ถามหาจริยธรรมยากใช่หรือไม่ ขณะที่อ.นิด้าพยายามเรียกร้องให้คนอื่นมี จริยธรรม จรรยาบรรณ แต่พอเรื่องตัวเองกลับเงียบ

พท. เรียกประชุม กก.บห.-ส.ส. 15 ต.ค.นี้
                         รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในวันจันทร์ที่ 15 ต.ค.นี้ พรรคเพื่อไทยเตรียมประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ประธานโซน และส.ส.พรรคเพื่อไทย เพื่อหารือการประชุมร่วมรัฐสภาในหัวข้อความร่วมมือร่วมไทย - พม่า พร้อมทั้งพูดคุยถึงโครงการรับจำนำข้าวเพื่อประชาสัมพันธ์ผลดีโครงการดังกล่าว รวมถึงเตรียมการเพื่อแถลงผลงานของรัฐบาลในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ด้วยว่า มีการแบ่งหมวดหมู่และการพัฒนาประเทศอย่างไร โดยพรรคเพื่อไทยเตรียมจัดทำคู่มือเพื่อให้ส.ส.ลงพื้นที่อธิบายโครงการต่างๆของรัฐบาลว่า การทำวันนี้จะเห็นผลวันไหน

เผยหลัง 10 พ.ย.นี้ เข้าโหมดชิงผู้ว่าฯกทม.

                         นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ แถลงถึงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยยังไม่มีมติว่าจะส่งใครเป็นตัวแทนพรรค ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และประชุม 3 โซนที่ได้แบ่งไว้เพื่อระดมความคิดเห็นนั้น มีมติแนวคิดตรงกันว่าจะใช้นโยบายเป็นที่ตั้งก่อน และจะเข้าสู่โหมดเลือกตั้งในวันที่ 10 พฤศจิกายน เพราะเป็นวันสิ้นทุกกระบวนการของผู้ว่าฯ กทม. ปี 2555 หลังจากนั้นพรรคเพื่อไทยจะเปิดตัวชุดผู้บริหารกทม.ว่า คณะทำงานจะมีใครบ้าง หลังจากนั้นถึงจะเปิดตัวผู้สมัครชิงตำแหน่ง ผู้ว่าฯกทม. ซึ่งเบื้องต้นพรรคมีตัวเลือกจาก 1.คนในพรรค 2.คนที่เคยทำงานในพรรคและมีตำแหน่งอยู่แล้ว และ3.คนนอก แต่คนนอกนั้นคงไม่ใช่ที่รู้จักมักคุ้นกับพรรคเพื่อไทย
                         ผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ( ผบ.ตร.) เตรียมสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย นายจิรายุกล่าวว่า เท่าที่ทราบพรรคเพื่อไทยได้มีการคุยกันว่าการสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยของ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ถึง ไม่จริงก็ไม่ใช่เรื่องแปลก และหากจริงก็เป็นเรื่องที่ไม่แปลก เพราะท่านมีเจตนาชัดเจนว่าชื่นชอบการทำงานของพรรคเพื่อไทย ดังนั้น การสมัครเข้าเป็นสมาชิกคงไม่ได้ตื่นเต้นในเรื่องนี้ จะตื่นเต้นหากมาสมัครลงผู้ว่าฯกทม. หรือมาสมัครทำงานให้กับพรรคหรือเป็นรัฐมนตรีมากกว่า
                         ส่วนกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์จะเป็นตัวแทนลงสมัครชิงผู้ว่าฯกทม.ด้วยหรือไม่นั้น นายจิรายุ กล่าวว่า ตอนนี้มีแต่ข่าวที่มาจากข้างนอกพรรคเพื่อไทย จากเหตุผลที่ พล.ต.อ.เสรี เตมียเวส อดีต ผบ.ตร.ประกาศลงชิงผู้ว่าฯกทม.โพลล์ทำการสำรวจว่าพรรคเพื่อไทยควรส่งตำรวจลงสู้หรือไม่ โดยมีการโฟกัสไปที่ 2 คน คือ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร. อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้หาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ลงสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยแล้วอาจไม่ลงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ก็ได้ อาจเป็นผู้บริหารพรรคเพื่อไทยหรือรัฐมนตรี โดยเรื่องนี้ขึ้นอยู่การปรับคณะรัฐมนตรี

ที่มา คมชัดลึก 


วันศุกร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2555

วุฒิฯเล็งบินฮ่องกงสอบ'ไซฟ่อนเงิน'




วุฒิฯเล็งบินฮ่องกงสอบ'ไซฟ่อนเงิน'

"กมธ.วุฒิสภา" เตรียมบินฮ่องกงปลายเดือนหน้า แกะรอยไซฟ่อนเงิน 1.6 หมื่นล้าน ชี้โอนจากเยาวราชเชื่อโยงนักการเมืองไทย อมงบเยียวยาน้ำท่วม กต.ส่อยึดคืนพาสปอร์ต"ทักษิณ" พร้อมขอขยายเวลาแจงผู้ตรวจการแผ่นดิน

               12ต.ค.2555 น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล เปิดเผยว่า คณะอนุกรรมาธิการตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล ซึ่งมี พล.อ.อ.วีรวิท คงศักดิ์ ส.ว.สรรหา เป็นประธาน ได้รับเรื่องร้องเรียนจากสมาชิกภาคีเครือข่ายต้านการทุจริตคอรัปชั่นแห่งชาติ (ภตช.) ว่า พบข้อมูลการไซฟ่อนเงินจากประเทศไทยไปยังเกาะฮ่องกง จำนวน 1.6 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ไม่ทราบแหล่งที่มา ทราบแต่เพียงว่าโอนจากแถวเยาวราช ทำให้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ป.ป.ช.ฮ่องกงประกาศอายัดเงินและตามหาเจ้าของ ซึ่งก็ไม่พบเจ้าของเงินไปแสดงตัว โดยทาง ภตช.ระบุว่าเงินจำนวนดังกล่าวอาจจะเป็นเงินที่มาจากการทุจริตในส่วนของงบประมาณช่วยเหลือน้ำท่วม เมื่อปี 2554 
น.ส.สุมลกล่าวว่า เบื้องต้นได้ยื่นเรื่องเข้าสู่กรรมาธิการชุดใหญ่ โดยตนอนุมัติในหลักการให้คณะอนุกรรมาธิการไปขอข้อมูลจากฮ่องกง ในช่วงปิดสมัยประชุมปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ นอกจากนี้ได้ตั้งข้อสังเกตให้กรรมาธิการตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกครั้ง เนื่องจากกังวลว่าจะเป็นข่าวปล่อย โดยจะเชิญ ภตช.มาให้ข้อมูลกรรมาธิการในวันที่ 28 พฤศจิกายน

               รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้อนุกรรมาธิการได้ประสานไปยังกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อจะให้ติดต่อประสานงานไปยัง ป.ป.ช.และ ป.ป.ท.ของฮ่องกง เพื่อให้คณะกรรมาธิการเข้าไปขอข้อมูลและดูงานเรื่องการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยคณะอนุกรรมาธิการจะเชิญเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช., ป.ป.ท. และ ปปง. มาให้รายละเอียดวันที่ 26 ตุลาคม เนื่องจากมีการประสานเบื้องต้นไปยังหน่วยงานดังกล่าวแล้ว ซึ่งหน่วยงานทั้งสามยังไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ส่วนสาเหตุที่อนุกรรมาธิการรับไว้พิจารณาเนื่องจากข้อมูลที่ ภตช.ให้มานั้น ตรงกับข้อมูลที่ พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และอดีตเลขาธิการ ป.ป.ท. เคยให้ข่าวไว้ว่า พบการไซฟ่อนเงินที่เกาะฮ่องกง

               ด้าน นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ เลขาธิการ ภตช.กล่าวว่า เมื่อวันที่ 5-7 กันยายน ที่ผ่านมา ภตช.ได้เข้าร่วมประชุมกับ ป.ป.ช.ของฮ่องกง ซึ่งการประชุมดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงและสายลับของ ป.ป.ช.ฮ่องกง ระบุว่า พบความเคลื่อนไหวของการโอนถ่ายเงิน ซึ่งคาดว่าจะเป็นในกลุ่มนักการเมืองไทยและข้าราชการระดับสูงในประเทศไทย มีการเคลื่อนไหวธุรกรรมทางการเงินผ่านโพยก๊วน และถูกอายัดไว้จำนวน 1.6 หมื่นล้าน เชื่อได้ว่าเงินที่ถูกอายัดเป็นเงินที่ถูกยักยอกจากเงินงบประมาณในการช่วยเหลือเยียวยาและฟื้นฟูน้ำท่วม ทั้งนี้ยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่ใช่ข่าวปล่อยแต่อย่างใด และคนที่เกี่ยวข้องเป็นคนของพรรครัฐบาล และคนที่ร่วมกระบวนการมีไม่ต่ำกว่า 30 คน

               ส่วนการที่คณะกรรมาธิการจะเดินทางไปขอข้อมูลจากฮ่องกงนั้น นายมงคลกิตติ์กล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่ได้ข้อมูลในรายละเอียดทั้งหมด เนื่องจากเขาจะให้ข้อมูลเฉพาะหน่วยงานระหว่างรัฐ หากรัฐบาลอยากจะหาข้อเท็จจริง ควรจะสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศไปดำเนินการ โดยสั่งตรงมาจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

กต.ส่อยึดคืนพาสปอร์ต"ทักษิณ"

               ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีผู้ตรวจการแผ่นดินส่งหนังสือมาให้กระทรวงการต่างประเทศทบทวนการออกพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 13 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งกระทรวงต้องชี้แจงกลับภายใน 30 วันนั้น ล่าสุดกระทรวงการต่างประเทศได้มีหนังสือไปยังผู้ตรวจการฯ ขอขยายเวลาการชี้แจงกรณีไปอีก 30 วัน โดยให้เหตุผลว่า ต้องการรวบรวมเอกสารข้อมูลให้สมบูรณ์ เพื่อชี้แจงต่อผู้ตรวจการฯ
               แหล่งข่าวเปิดเผยว่า จากการหารือของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการออกพาสปอร์ตพ.ต.ท.ทักษิณ ล่าสุดมีความเห็นว่า ควรจะทบทวนการออกพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณตามที่ผู้ตรวจการแผ่นดินเสนอมา เพราะจากการประเมินของกระทรวงการต่างประเทศคาดว่า แม้กระทรวงการต่างประเทศจะยืนยันไปว่าไม่ทบทวน แต่เรื่องก็คงไม่จบแค่นี้ เพราะผู้ตรวจการฯ คงส่งเรื่องไปยังส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง และสุดท้ายอาจส่งเรื่องไปถึงศาลปกครองเพื่อให้เพิกถอนพาสปอร์ตดังกล่าว
               "ถ้าไปถึงจุดนั้นก็ต้องมีผู้รับผิดชอบแน่นอน จะเป็นเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ผอ.กองหนังสือเดินทาง อธิบดีกรมการกงสุล ไปจนถึงปลัดกระทรวง" แหล่งข่าวกล่าว
               ทั้งนี้ กระทรวงการต่างประเทศเตรียมทำหนังสือไปยังศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อสอบถามว่า ยังมีการต้องการตัวพ.ต.ททักษิณมาดำเนินคดีอยู่หรือไม่ ถ้าทั้ง 2 หน่วยงานยืนยันมาว่ายังต้องการอยู่กระทรวงก็คงต้องทบทวนการออกพาสปอร์ตตามที่ผู้ตรวจการฯ เสนอมา

ผู้ตรวจฯเผยกต.ทำหนังสือขอขยายเวลาจริง

               นายเฉลิมศักดิ์ จันทรทิม เลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ในวันที่ 12 ต.ค. ทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน รายงานว่าได้รับหนังสือของกระทรวงการต่างประเทศที่ส่งมายังผู้ตรวจการแผ่นดินแล้วเพื่อขอขยายเวลาในการชี้แจงกรณีการคืนพาสปอร์ตให้พ.ต.ท.ทักษิณโดยการขอขยายเวลานี้ระบุว่า เพื่อรวบรวมเอกสารหลักฐาน ทั้งนี้หนังสือดังกล่าวก็ต้องแจ้งให้ผู้ตรวจฯทราบก่อน แต่โดยหลักการแล้วหากมีการขอขยายเวลา ทางผู้ตรวจฯก็ต้องดูเหตุดูผลของการขอขยายเวลา หากเห็นว่ามีเหมาะสม ก็จะอนุญาติให้ขยายเวลาได้ แต่ถึงอย่างไรทางผู้ตรวจฯจะมีการประสานกันภายในเพื่อดูว่าติดขัดหรือมีปัญหาอะไร ทั้งนี้ยืนยันว่าผู้ตรวจฯจะเร่งติดตามเรื่องดังกล่าวให้เร็วที่สุด

ที่มา มติชน 


ผบ.ทบ. ยันมีชายชุดดำใจร้ายหลังแนวม็อบแดงยิงใส่ทหาร






วันนี้ (12 ต.ค.) ที่กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ร.2 รอ.) จ.ปราจีนบุรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จัดแรลลี่ตามรอยชายชุดดำว่า ข้อมูลชายชุดดำเรามีอยู่ เป็นเรื่องของกฎหมายทางกระบวนการยุติธรรมต้องสอบสวนกันไป แต่ชายชุดดำจะมีหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่รู้ว่ามีผู้บาดเจ็บสองฝ่าย ทั้งประชาชน ทหาร ตำรวจ โดยอีกฝ่ายบอกว่าทหารยิง ส่วนฝ่ายทหารก็บอกว่าถูกคนแต่งกายที่ไม่รู้ว่าจะสีแดง สีดำ หรือเหลือง ยิงและขว้างระเบิดใส่ ซึ่งก็ต้องพิสูจน์หาให้เจอ
 
“คำว่าชายชุดดำไม่ใช่ว่าต้องใส่ชุดดำ พอไม่ใส่ชุดดำแล้วบอกว่าไม่ใช่ มันก็คงไม่ใช่ จะชุดอะไรก็ได้ แต่วันที่เกิดเรื่อง10 เม.ย.53 นั้นพูดกันว่าชุดดำเพราะแต่งชุดดำ หลังจากนั้นมันก็ไม่ได้แต่งดำ แต่จะถามว่าแล้วมีรูปที่มันยิงหรือไม่ ใครจะไปถ่ายรูปมันได้ ก็ต้องรอรูปจากสื่อมวลชน ทหารออกไปในตอนนั้นไม่คิดว่าจะมีคนใจร้ายแบบนี้ออกมาเท่านั้นเอง และเมื่อเขาใจร้ายใส่เรา เราก็ยังไม่ได้ตอบโต้ ผมถามว่าลูกน้องที่นอนเจ็บอยู่ที่โรงพยาบาลว่าเห็นคนยิงเขาหรือไม่ คนที่ท้องทะลุที่เป็นผู้บังคับกองพัน นายสิบ และยังมีพิการอีกหลายคน ซึ่งเขาบอกว่าเขาก็เห็น แต่พวกนั้นอยู่ข้างหลังประชาชน ซึ่งผมก็ไม่ได้โทษว่าเป็นพวกใคร ผมก็ถามว่าทำไมไม่ยิงสู้ ยิงไม่ได้เหรอ เขาก็บอกว่ายิงไม่ได้ เพราะถ้ายิงก็จะโดนประชาชนที่ขวางหน้าอยู่ ผมก็ถามว่าผู้ที่อยู่ข้างหน้าเป็นใคร เขาก็บอกว่าเป็นประชาชนที่มาประท้วง มาเดินขบวนทั้งหมด เขาก็เป็นคนไทยเหมือนกัน ซึ่งทำร้ายเขาไม่ได้ ผมฟังแล้วผมก็สะอึก นั่นคือลูกน้องผม” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
 
พล.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่โทษกันและว่าไปตามกระบวนการยุติธรรมที่ถูกต้อง จึงไม่มีประโยชน์ที่จะพูดว่าชุดดำหรือชุดไม่ดำ ถ้าพูดกันตามหน้าหนังสือพิมพ์ไม่น่าจะจบ อยากให้ลดกันไปสักข้างหนึ่ง ซึ่งตนก็ลดลงไปข้างหนึ่งแล้ว ต้องเห็นใจตนเพราะลูกน้องบาดเจ็บล้มตาย ลูกเมียเดือดร้อนเขาร้องมาให้กองทัพบกปกป้อง เกียรติยศ และศักดิ์ศรีของเขา ที่ไปหาว่าเขาไปยิงประชาชน ตนก็ไปสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ และใช้กระบวนการยุติธรรมในการชี้แจง หากผิดก็ต้องรับผิด ถ้าไม่ผิดจะให้เขารับผิดมันก็ไม่ใช่ ตอนนี้เราไม่รู้ ก็ต้องไปหาให้เจอว่าพวกไหน ตนไม่ได้โทษว่าเป็นพวกใคร แต่อีกข้างบอกว่าเป็นทหารทั้งนั้น อย่างนี้ถือว่าไม่เป็นธรรม
ที่มา เดลินิวส์

วันพฤหัสบดีที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2555

'โอ๊ค'อัด'แจกเงินดีกว่าจำนำข้าว'




'โอ๊ค'อัด'แจกเงินดีกว่าจำนำข้าว'

'โอ๊ค' อัด 'มาร์ค' ให้สัมภาษณ์ 'แจกเงินดีกว่าจำนำข้าว' ถามเอาสมองส่วนไหนคิด! ฝากอาจารย์ ที่ยื่นคำร้องคัดค้าน 'จำนำข้าว' ต่อศาลรธน. วิพากษ์ แนวความคิดนี้ แบบเป็นกลางให้ฟังหน่อย

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  เมื่อเวลา 18.29 น. วันที่ 11 ต.ค. 55  โอ๊ค พานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra ถาม "อภิสิทธิ์" ให้สัมภาษณ์ 'แจกเงินดีกว่าจำนำข้าว' เอาสมองส่วนไหนคิด ชี้ไม่พัฒนาวิธีคิด ปชป. ไม่มีทางตามพท.ทัน ฝาก อาจารย์ ที่ยื่นคำร้องคัดค้าน 'จำนำข้าว' ต่อศาลรธน. วิพากษ์ แนวความคิด 'มาร์ค' แบบเป็นกลางให้ฟังหน่อย
'อภิสิทธิ์'แนะรัฐเอาเงินแจกชาวนา แทนรับจำนำข้าวให้ประเทศเสียหาย
          อภิสิทธิ์ : "ผมยืนยันว่าถ้าแต่ละปีเราจะต้องเสียเงิน 1.5 แสนล้านช่วยชาวนา ผมอยากให้ใช้วิธีเอาเงินจำนวนนี้แจกเฉลี่ยให้ชาวนาไปเลย จะได้ไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศในด้านอื่น ผมขอถามรัฐบาลว่า ถ้ายืนยันว่า รักชาวนา รักเกษตรกร พร้อมจะสูญเงิน 1.5 แสนล้าน ทำไมไม่ใช้วิธีเอาเงินจำนวนนี้แจกให้เกษตรกรชาวนาไปเลย" 
          นี่คือไฮไลท์ที่ ยืนยันเจตนารมณ์ ของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตามข่าว "ไทยรัฐออนไลน์" นี้ครับ http://www.thairath.co.th/content/pol/297650       
          ผมอ่านข่าวแล้วอึ้งเลยครับ ไม่รู้จะพูดยังไงดี ไม่ทราบว่าที่เขาพูดแบบนี้ เป็นการกระแนะกระแหน? หรือเขาเข้าใจแบบนี้จึงเสนอให้นำเงินไปแจก? แต่ไม่ว่าจะอย่างไรผมว่า คนเป็นถึงอดีตนายกฯและผู้นำฝ่ายค้าน ก็ไม่น่าที่จะพูดหรือมีวิธีคิดแบบนี้
          ประเด็นกระแนะกระแหน ไม่ต้องพูดถึงครับ เด็กอมมือมันยังรู้ว่า คนเป็นถึงผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองนั้นไม่ควรทำ แต่การให้นำเงินไปแจกชาวนา ใครมีข้าว1เกวียนรัฐบาลแถมให้อีก7พันบาท ใครมีข้าว10เกวียนรัฐบาลแถมให้อีก70,000บาท เฮ้อออ!!! เอาสมองส่วนไหนคิดเนี่ย?
          คนที่มีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์ กับคนที่รู้เรื่องการคำนวณอย่างเดียว มันต่างกันแบบนี้แหละครับ การจำนำข้าวใช้หลักเศษฐศาสตร์บวกกับการตลาดขั้นพื้นฐาน เข้าใจในเรื่องดีมานด์-ซัพพลาย ข้าวไทยก็มีโอกาสราคาดีขึ้นได้ จะเป็นหนึ่งหมื่น, หมื่นสอง, หมื่นห้าหรือมากกว่านั้น ก็ถือเป็นโอกาสของชาวนาไทย และเป็นรายได้เข้าประเทศ ไม่ใช่รวยกระจุกเฉพาะนายทุน แต่เงินจะกระจายไปยังชาวนาทั่วทั้งประเทศ
          ส่วนวิธีที่นายอภิสิทธิ์ฯเสนออย่างเข็มแข็ง โดยถึงกับใช้คำว่า "ผมยืนยันว่า...ผมอยากให้....แจกเงินชาวนาไปเลย"นั้น วิธีคิดมิได้ต่างจากเช็คช่วยชาติแจกหัวละ2,000บาทเลยครับ อธิบายง่ายๆ ก็คือการประกันราคาข้าว ที่15,000บาทนั่นแหละ หักราคาโรงสีรับซื้อตันละ8,000 ที่เหลือก็แจกชาวบ้านไป7,000 เด็กที่เรียนคำนวณบวกเลข4-5หลักเป็นก็คิดเป็นครับแบบนี้
          อุปมาก็คล้ายๆ กับ ที่เขาบอกกันว่า "คุณจะแจกปลากับชาวบ้าน หรือคุณจะสอนชาวบ้านให้จับปลา" นั่นแหละครับ แต่นี่พรรคเพื่อไทยเขาAdvanceไปถึงขั้น "ทำอย่างไร ให้ขายปลา ได้ราคาดี" กันแล้ว ถ้ายังไม่พัฒนาวิธีคิดกันอยู่ละก็ ตามพรรคเพื่อไทยเขาไม่ทันหรอกครับ
          อาจารย์อะไร ดิศดิศ ที่ออกมาทั้งค้านทั้งยื่นคำร้องต่อศาลรธน. ไหนท่านลอง วิพากษ์ แนวความคิด แจกเงินดีกว่าจำนำข้าว ของนายอภิสิทธิ์ฯ ให้ฟังแบบเป็นกลางหน่อยซิครับว่า มีข้อดีอย่างไร และท่านเห็นด้วยหรือไม่อย่างไร
          เอาแบบเป็นกลางทางการเมืองนะครับ ไม่ใช่กลางใจพรรคประชาธิปัตย์......!!!
ที่มา คมชัดลึก 

วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2555

ดีเอสไอรับ'ยืดสัมปทานบีทีเอส-อิสวอเตอร์-ซื้อจีที200'เป็นคดีพิเศษ




"เฉลิม" นั่งหัวโต๊ะประชุมบอร์ดคดีพิเศษ ก่อนลงมติไฟเขียวลงมติรับ 3 คดีดังเป็นคดีพิเศษ ทั้งการต่อสัมปทานรถไฟฟ้าบีทีเอส-คดีอีสวอเตอร์บริจาคเงินช่วยน้ำท่วมผ่าน ปชป.-คดีจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดจีที 200...

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 10 ต.ค. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ต่อมา นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงหลังการประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ ว่า วันนี้ กรรมการ กคพ.ทั้ง 23 คน เข้าร่วมประชุมครบ และมีมติให้รับคดี 8 เรื่อง เป็นคดีพิเศษ ที่จะต้องสืบสวนและสอบสวนโดยพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตาม พ.ร.บ.สอบสวนคดีพิเศษ 2547 ประกอบด้วย กรณี กทม.ทำสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ ระหว่างบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด กับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพจำกัด (มหาชน) ที่อาจเข้าข่ายเป็นการกระทำความผิดต่อกฎหมาย โดยเรื่องดังกล่าวมีความเห็นที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง กระทรวงมหาดไทย (มท.) โดย รมว.มท.เห็นว่า สัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสที่ต่อสัญญาออกไปไม่ว่าจะเรียกชื่ออะไร แต่เนื้อหาเป็นการต่อสัญญาสัมปทาน ซึ่งกระทำไม่ได้

“การต่อสัมปาทาน ต้องขออนุญาตจาก รมว.มท. และจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นของดีเอสไอ ที่ผ่านมาก็พบว่าน่าจะเป็นการทำนิติกรรมอำพรางสัญญาสัมปทานไว้ แต่ทาง กทม.เห็นว่าเป็นสัญญาจ้างทำ ดังนั้น เพื่อค้นหาความจริงให้ยุติ กรรมการ กคพ.จึงมีมติ 20 เสียง อนุมัติให้ดีเอสไอร่วมกับอัยการคดีพิเศษ สืบสวนหาข้อยุติท่ามกลางความขัดแย้ง เพื่อจะได้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ โดยเฉพาะคน กทม. พร้อมยืนยันว่า ดีเอสไอมีอำนาจการสอบสวนในกรณีดังกล่าว ส่วนกรรมการคดีพิเศษอีก 3 ท่าน ที่งดออกเสียง ประกอบด้วย ร.ต.อ.เฉลิม ประธาน กคพ. นายสัก กอแสงเรือง ผู้แทนสภาทนายความ และผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย”

นายธาริต กล่าวอีกว่า กคพ.ยังมีมติรับกรณีเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมของบริษัท อีสต์ วอเตอร์ ที่บริจาคผ่านบัญชีของพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นการบริจาคเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด อันอาจคำนวณเป็นเงินได้ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2550 เป็นคดีพิเศษ รวมทั้งรับกรณีการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิดอัลฟา 6 และจีที 200 เป็นคดีพิเศษ หลังบริษัทเอกชน ซึ่งเป็นผู้ผลิต ผู้จำหน่าย หรือตัวแทนจำหน่ายเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัย ซึ่งมีพฤติการณ์ฉ้อโกง หรือลวงขายเครื่องตรวจวัตถุต้องสงสัย ที่ไม่มีคุณภาพตามที่กล่าวอ้างกับหน่วยงานของรัฐ

“ส่วนคดีอื่นๆ ที่ กคพ.รับเป็นคดีพิเศษ มีกรณีการทุจริตในโครงการแก้ไขปัญหาราคาหอมแดงตกต่ำ ฤดูการผลิตปี 2554/2555 จ.ศรีสะเกษ และกรณีการใช้อิทธิพลของกลุ่มไบคาน ระหว่างครอบครัว กรณี น.ส.โซเบดา พงษ์สว่าง ที่ร้องขอต่อดีเอสไอให้ดำเนินคดีกับคู่กรณีในข้อหาข่มขู่โดยการขู่เข็ญจะทำ ร้ายร่างกาย และลักพาตัวบุตรสาวคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองทุ่งมะพร้าว จ.พังงา คดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติในพื้นที่โครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็ก อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ และกรณีเปิดบ่อนพนันออนไลน์ในภาคกลาง ภาคอีสาน ภาคตะวันออก ที่ดีเอสไอจะเข้าจับกุมต่อไป” นายธาริต กล่าว.
โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม
ที่มา ไทยรัฐออนไลน์